นักพนันอัจฉริยะโกงคาสิโน MIT Blackjack Team

นักพนันอัจฉริยะโกงคาสิโน MIT Blackjack Team

เพื่อนๆอาจเคยสงสัยว่าคาสิโนนั้นโกงได้จริงไหม มีการโกงแบบไหน ซึ่งหัวข้อคาสิโนโกงจริงไหม ทาง GCLUB เราได้เขียนบทความไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งเพื่อนๆสามารถเข้าไปอ่านเพื่อนเติมได้ตามลิ้ง คาสิโนออนไลน์โกงจริงไหม สำหรับวันนี้ GCLUB ได้เอาเรื่องการโกงมานำเสนอ แต่เป็นนักพนันไปโกงบ่อนคาสิโน เรื่องจริงของ MIT Blackjack Team กลุ่มนักพนันที่โกงคาสิโน ลองมาดูกันว่าเป็นยังไง

รู้จักกับ MIT Blackjack Team

ในวงการพนันมักมีได้มีเสียหรืออาจจะเสียให้กับเจ้ามือซะส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ แต่แน่นอนว่าการเสียเงินมันจะไม่เกิดกับพวกเขาเอ็มไอทีแบล็คแจ็คทีมที่ของนักศึกษาอัจฉริยะ ที่ใช้ความสามารถและสูตรการนับไพ่ คล้ายๆกับ เค้าไพ่บาคาร่า ไปเอาชนะเกมไพ่แบล็คแจ็คตามคาสิโนต่างๆ ได้อย่างง่ายดายจนทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ โดยที่พวกเขาไม่ได้เป็นเจ้าของคาสิโน หรือเป็นคนสับไพ่เองซะด้วยซ้ำ

สำหรับเกม แบล็คแจ็ค เจ้ามือและผู้เล่นจะตรวจแต้มให้ได้ใกล้เคียงกับ 21 มากที่สุดและแบล็คแจ็ค ต่างจากเกมส์อื่น ในคาสิโนเพราะมันไม่ได้วัดดวงเพียงอย่างเดียว การจั่วทุกครั้งมีผลกับแต้ม แล้วมันจะเปลี่ยนจำนวนไพ่ที่เหลืออยู่ในกอง และเมื่อพวกเขาวิเคราะห์ไพ่ที่จะออกมาแล้วก็จะรู้ว่าไพ่ใบต่อๆไปเป็นอะไร ซึ่งมันเป็นสูตรลับของการนับไพ่ ที่บางคนก็บอกว่ามันไม่ใช่การโกงแต่สำหรับคาสิโนบอกว่ามันคือ การโกง เพราะการเล่นพนันต้องใช้แค่ดวงไม่ใช่การคำนวณ หรืออาจจะเป็นเพราะคาสิโนไม่อยากเสียเงินให้คุณเป็นจำนวนมากเกินไปต่างหาก

บิล แคปแลนด์ผู้ก่อตั้ง MIT Blackjack Team

ย้อนไปเมื่อปี 1977 ในระหว่างที่ บิล แคปแลนด์ กำลังศึกษาอยู่ในสาขาเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เขาเริ่มศึกษาศาสตร์ของการนับไพ่และอ่านหนังสือเกี่ยวกับวิธีการนับไพ่ที่มีชื่อว่า ฺBeat the dealer ซึ่งเป็นหนังสือสอนขั้นตอนการเล่นไพ่แบล็คแจ็คและลูกเล่นต่างๆเพื่อทำการชนะเจ้ามือ ศาสตราจารย์และนักคณิตศาสตร์ชาวอเมริกันของมหาวิทยาลัย MIT เป็นคนเขียนหนังสือนี้ส่วน แคปแลนด์ ก็เรียนปริญญาตรีปลายและฝึกฝนไปและ 3 ปีต่อมาเขาเรียนต่อปริญญาโทที่ฮาวาร์ด แต่ยังคงศึกษาศาสตร์แห่งการนับไพ่อย่างจริงจังและทำการฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้เชี่ยวชาญในระดับที่เล่นได้อย่างแนบเนียน จนในที่สุดเขาใช้เวลาว่างไปกับการลองของตามคาสิโนต่างๆเพื่อเป็นการลงสนามจริงและทำให้เห็นว่าสิ่งที่เขาทุ่มเทมาอย่างหนักนั้นมันมีผลลัพธ์มากเพียงใดจากเงินทุนเพียง 1000 ดอลลาร์หรือประมาณ 3 หมื่นกว่าบาทเท่านั้น ไม่นานนักเขาก็ทำเงินได้เป็น 35,000 ดอลลาร์เงินไทยก็ประมาณล้านกว่าบาท เขาเที่ยวตะเวนไปตาม บ่อนคาสิโน ลาสเวกัสในเวลาว่างเขาหาเงินได้มากมายขนาดที่จะจ่ายค่าเทอมปริญญาโทของเราได้อย่างสบาย แต่แน่นอนว่าสำหรับคำว่าอัจฉริยะแล้วมันไม่ได้สิ้นสุดเพียงแค่การโกงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันต้องยิ่งใหญ่กว่านั้นเขาจึงคิดแผนการอันสุดโต่งขึ้นมาเพื่อให้มันกลายเป็นอาชีพได้

MIT Blackjack Team

ก่อตั้งบริษัท Statistic Investment

เขาจึงเริ่มเขียนแผนธุรกิจที่มาอย่างเป็นรูปประธรรมและก่อตั้งบริษัทชื่อ Statistic Investment เพื่อเชื้อเชิญ ให้นักลงทุนวางเงินเป็นล้านเหรียญเงินลงทุน ให้เขาไปกวาดเงินตามคาสิโนต่างๆ และนักลงทุนจะได้รับการการันตีผลกำไรอย่างหนัก ซึ่งผลตอบแทนมันก็มากเลยทีเดียว การันตีกำไรมากถึง 150 เปอร์เซ็นต์ต่อปีซึ่งมันเป็นกำไรที่สูงมากๆ และเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับโลกการเงินแบบปกติและหลังจากที่ระดมทุนได้แล้วการสร้างทีมงานจึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นนะ เขาค้นหานักศึกษาหัวกะทิจาก MIT ที่เป็นเด็กเก่งและมีความจำที่ดี แคปแลนด์ได้ฝึกศิลปะแห่งการนับไพ่ให้นักศึกษาเหล่านั้น เขาจะนัดเจอกันสัปดาห์ละ 2 ครั้งในห้องเรียนห้องหนึ่งใน MIT และเขาจะเริ่มทำการสอนการนับไพ่ เด็กหัวกระทิที่คัดเลือกมาจะต้องใช้เวลาในการฝึกนับไพ่ที่ถูกตัวจากกล่องเด็กระดับหัวกะทิของ MIT ที่คัดเลือกมานั้นเก่งกว่านักศึกษาทั่วไป ในที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งรวมของคนเก่งหัวกะทิ

การฝึกฝนจึงใช้เวลาไม่นานเท่าใดนักหากเทียบกับการใช้คนที่สมองระดับปกติมาฝึกอย่างแน่นอน พวกเขาต้องเรียนรู้บทบาทในการทำงานในสถานการณ์จริงด้วย พวกเขาฝึกกันอย่างหนักมากเพื่อให้ไปถึงคาสิโนแล้วจะได้ไม่พลาดกับการในการทำเงินนับล้าน พวกเขาจึงบุกคาสิโนลาสเวกัสและชนะเกม Blackjack ถล่มทลายซึ่งนั่นหมายถึง Statistic Investment สร้างกำไรให้กับผู้ลงทุนนับล้าน เป็น 2 เท่าหรืออาจจะ 3 เท่าของเงินลงทุนและกำไรสูงสุดที่พวกเขาเคยทำได้มากถึง 300 เปอร์เซ็นต์ต่อปีเลยทีเดียว ทุกคนในทีม MIT แบล็คแจ็คต่างก็พอใจ ยกเว้นคาสิโนที่บุกเข้าไปกวาดเงินมาพวกเขาจึงต้องเปลี่ยนสถานที่ในการทำงาน เพื่อทำเงินไปเรื่อยมาให้ตกเป็นเป้าสายตามากจนเกินไป ในทุกๆ คาสิโน มีทีมงานที่พร้อมจะจับผิดผู้ที่มีการโกงอยู่ตลอดเวลา ตามคาสิโนใหญ่ๆมีกล้องนับพันตัวและมีพนักงานทีมสอดแนมที่ฝึกกันมาเป็นอย่างดีเช่นกัน พวกเหล่าทีมสอดแนมนั่งอยู่ในห้องและคอยดูกล้องเพื่อสังเกตความผิดปกติของทุกโต๊ะและเมื่อพวกเขากวาดเงินไปมากกว่าตัวอื่นๆ คาสิโนก็คงไม่อยากจะต้อนรับพวกเขาอย่างแน่นอน ดังนั้นการที่จะทำให้พวกคาสิโนที่เคยไปเล่นแล้วไม่ผิดสังเกตหรือ แคปแลนด์ จะต้องเปลี่ยนคนในทีม MIT Blackjack อยู่เสมอและที่เจ๋งกว่านั้นพวกเขาพัฒนาเทคนิคและวิธีการใหม่ๆอยู่ตลอดเวลาด้วย

การฝึกฝน MIT Blackjack Team

Mike Aponte เขาเข้ามาเป็นผู้นำและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการเล่นใหม่ จาก Mike นำเสนอให้มาเล่นโต๊ะเดียวกัน กำหนดบทบาทให้ทุกคนในโต๊ะ รวมถึงมีรหัสลับในการสื่อสารเมื่ออยู่บนโต๊ะแต่ละคนในทีมจะมีบทบาทหน้าที่ต้องเล่นเป็นตัวละครอย่างชัดเจน ตำแหน่งในวงจะเรียกว่า Sporter ซึ่งเป็นคนที่นับไพ่ที่ออกจากกองและอีกคนก็ต้องสวมบทบาทเป็น Big Gorilla พูดถึงเงินจำนวนมากที่มีอยู่ในมือ Sporter เมื่อนับไพ่แล้วรู้ว่ามีไพ่ดี ก็จะส่งรหัสลับผ่านทางคำพูดเช่นคำว่า “เยี่ยมไปเลย” แล้ว Big Camera ก็จะพนันได้เงินก้อนใหญ่ ซึ่งบทบาทของ Big Camera นั้นจะมีบทบาทเหมือนคนที่ไม่ได้สนใจเกมบนโต๊ะจะกินเหล้าและเฮฮามากกว่า แต่เมื่อได้จังหวะเมื่อไหร่ เขาก็พร้อมที่จะทุ่มเงินที่มีบนหน้าตักจำนวนมาก สิ่งสำคัญที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จก็คือ การฝึกฝนอย่างหนักในเรื่องของการนับไพ่และการสวมบทบาทและสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ มีมันสมองระดับเพชรที่เหนือกว่าคนทั่วไป MIT แบล็คทีทำเงินได้มากกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือหากที่เป็นเงินไทยก็ประมาณ 300 กว่าล้านบาทเลยทีเดียว

Mike Aponte

คาสิโนจับได้ จุดจบของการโกง

แต่ทว่าโอกาสการทำเงินไม่ได้รุ่งโรจน์เสมอไปคาสิโนมีเครือข่ายที่เชื่อมโยงถึงกัน และมีข่าวสารส่งถึงกันอยู่เสมอควบคุมคาสิโนสังเกตพฤติกรรมของ MIT Backjack team และระบุตัวของ Mike Aponte ได้มันจึงเป็นจุดจบของทีม พวกเขาสืบหาตัวจากกล้องวงจรปิดและเจอ Mike Aponte ในหนังสือรุ่นของ MIT และเมื่อสืบสวนลึกเข้าไปอีกพวกเขาก็รู้ว่าทุกคนเรียนอยู่ที่ MIT ด้วยกันทั้งหมด มีเจ้าหน้าที่มาสอบสวนพวกเขาอย่างละเอียดแต่พวกเขาไม่ได้ใช้อุปกรณ์ใดในการโกงแบล็คแจ็ค หรือไม่สามารถหาหลักฐานในการกระทำผิดได้ ทำให้พวกเขาไม่ถูกจับเข้าซังเตแต่พวกเขาก็ยังถูกแบนจากคาสิโนต่างๆทั่วประเทศ จนในที่สุดปี 1993 บริษัท Statistic Investment ของ แคปแลนด์จึงต้องปิดตัวลงในที่สุด แต่ทั้งคนในทีมและนักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีงามต่างคนต่างไปตามเส้นทางชีวิตของตัวเอง บางคนก็ยังเปิดสอนการนับไพ่ อย่างเช่น Mike Aponte ด้วย

บริษัท Statistic Investment

สรุป MIT Team โกงคาสิโน

นอกจากแคปแลนด์แล้วเราจะพูดถึง เอ็ดเวิร์ดพร้อมผู้เขียนหนังสือ ฺBeat the dealer ที่แคปแลนด์ นำเอาไปใช้ เขาคือนักพนันที่ใช้เทคนิคการนับให้คนแรกที่เอาไปใช้ในชีวิตจริงโดยเขาเป็นอาจารย์คณิตศาสตร์ปโทในสาขาฟิสิกส์ อัจฉริยะในเรื่องความน่าจะเป็นและทฤษฎีสัมพันธ์ จุดเริ่มต้นของตำนานเกิดขึ้นจากเพื่อนผมเค้าได้พาเขาไปเล่นที่คาสิโนเมื่อปี 1960 ทำให้เขาเกิดความสนใจในเกม Black Jack และเล่นเกมนี้อยู่บ่อยครั้ง จนในที่สุดเขาคิดค้นทฤษฎีที่ใช้คณิตศาสตร์เขาช่วยในการเล่นเกม Black Jack โดยอ้างอิงหลักความน่าจะเป็นและสถิติเข้าไปประกอบการใช้อ้างอิงและปรับปรุงสมการนั้นออกมาเพื่อคำนวณความเปลี่ยนแปลงของไพ่ ทำให้ช่วงในวันหยุดสุดสัปดาห์เขาสามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาล ในอดีตไม่มีใครรู้จักการนับแต้มไพ่และกลยุทธ์ที่เขาใช้ทำให้เขาจะรับเงินรางวัลอยู่สม่ำเสมอ คาสิโนเข้าตรวจค้นตัวเขาและดูวีดีโอในการบันทึกการซ้ำไป ซ้ำมา ยังไม่สามารถรู้ได้ว่าเขาโกงตรงไหน เอ็ดเวิร์ดถูกขอให้ออกจากคาสิโนในหลายๆทีเพราะคาสิโนรู้ว่า เอ็ดเวิร์ดจะชนะทุกๆครั้งแต่ขึ้นชื่อว่าอัจฉริยะ ชีวิตก็คงไม่สิ้นสุดแค่นั้นแม้เขาทำเงินได้มากมายมหาศาลจากวงการพนันแล้ว เขาก็หันไปศึกษาหุ้นอย่างจริงจัง จนปัจจุบันเขาเป็นเจ้าของบริษัท Head fund เป็นบริษัทร่วมทุนเพื่อไปลงทุนทำให้เขามีเงินนับพันล้านและประสบความสำเร็จในชีวิตยังสวยงาม

สรุป MIT Team โกงคาสิโน
  •  ผู้เขียน: GCLUB เซียนล้มโต๊ะ
  •  เผยแพร่เมื่อ:  Feb 04, 2020
  •  อัพเดทเมื่อ:  Feb 04, 2020